เผยเรือนเวลาชิ้นประวัติศาสตร์ครั้งแรกในประเทศไทย
ระหว่างวันที่ 15 ถึง 31 ตุลาคม 2563 ณ เกษรวิลเลจ ชั้น G
Grand Seiko แบรนด์นาฬิกาชั้นนำระดับโลก นำทีมโดย มร. ฮิโรยูกิ อาคาชิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซโก (ประเทศไทย) จัดนิทรรศการฉลองครบรอบ 60 ปี โดยการนำนาฬิกาเรือนประวัติศาสตร์หาชมได้ยากส่งตรงจากพิพิธภัณฑ์ของไซโกประเทศญี่ปุ่นมาจัดแสดงโชว์สุนทรียภาพแห่งประกายคุณภาพ ที่แสดงให้เห็นธรรมเนียมอันเป็นแบบฉบับของแกรนด์ไซโกตั้งแต่เรือนแรกในยุค 1960 ตลอดจนนาฬิกาเรือนสำคัญอันเป็นตำนานที่สร้างบทนิยามให้กับแบรนด์จวบจนปัจจุบัน โดยนิทรรศการถูกจัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “The Nature of Time” ภายใต้บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม สะท้อนถึงธรรมชาติอันงดงามและเรียบง่าย สอดคล้องกับประเพณีและวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นที่เคารพต่อกฎกติกาของธรรมชาติอย่างแท้จริง โดยมีคุณชาญ ศรีวิกรม์ และคุณฟ้าฟื้น เต็มบุญเกียรติ ผู้บริหาร Gaysorn Village ให้เกียรติร่วมเปิดงาน
ไฮไลท์ของผลงานที่ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ คือ The First Grand Seiko ผลงานเรือนเวลารุ่นมาสเตอร์พีซเรือนแรกของ Grand Seiko ที่ผลิตขึ้นในวันที่ 18 ธันวาคม 1960 ที่สตูดิโอแห่งแรกของ Grand Seiko ที่เมือง Suwa ตอนกลางของประเทศญี่ปุ่น ทีม Seiko ได้ทำงานอย่างเต็มที่และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างสรรค์เรือนเวลาที่จะสามารถตอบสนองได้ทั้งความเที่ยงตรง ความทนทาน ความสะดวกสบาย และความสวยงามเท่าที่มนุษย์จะสามารถสร้างสรรค์ให้เป็นจริงได้ ปรากฏเป็นนาฬิกาที่มากับตัวเรือนผลิตจากทอง 14k มาพร้อมกลไกที่มีความบางเฉียบ แต่ความเที่ยงตรงชั้นเยี่ยมในระดับที่เทียบเท่ากับมาตรฐานความเที่ยงตรงสูงสุดที่นานาชาติให้การยอมรับ
ผลงานชิ้นสำคัญอันเป็นตำนานจนกลายเป็นแรงบันดาลใจที่ส่งทอดไปถึงการรังสรรค์นาฬิกาของ Grand Seiko ในเวลาต่อมา ได้แก่รุ่น 44GS ที่ถูกพัฒนาต่อมาในปี 1967 ซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดแห่งดีไซน์ของ Grand Seiko Style อย่างแท้จริง ด้วยพื้นผิวที่เรียบและเส้นเว้าโค้งข้างตัวเรือนสองมิติที่สมบูรณ์แบบ รวมถึงเข็มนาฬิกาและหลักชั่วโมงที่มีขนาดใหญ่และเรียบ ประกอบกับขอบมุมที่ได้รับการขัดเงาเพื่อให้สะท้อนรับกับแสงได้เป็นอย่างดี และพื้นผิวของตัวเรือนที่ให้ความเงางามดุจกระจกและไม่มีการบิดเบือนใดๆ เป็นดั่งการสะท้อนให้เห็นถึงความแม่นยำสูงในทุกๆ ขั้นตอน
เรือนถัดมาเปิดตัวในปี ค.ศ. 1967 Grand Seiko ได้เปิดตัว 62GS ซึ่งเป็นนาฬิกาที่ใช้กลไกอัตโนมัติรุ่นแรก ซึ่งเป็นการนำเสนอด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ความเที่ยงตรงของนาฬิกาจึงกลายเป็นสิ่งที่ทั่วโลกหลงใหล โดยตัวเรือนถูกออกแบบให้มีหลายด้านและหน้าปัดที่เปิดได้กว้างพร้อมกับโครงสร้างของหน้าปัดแบบไร้ขอบ และการขัดแบบซารัสซึ (Zaratsu) ซึ่งเป็นการขัดตัวเรือนเพื่อลบเหลี่ยมมุมที่ชัดเจน ไม่เกิดการกระทบกับผิวหนังและทำให้มีพื้นผิวที่ราบเรียบ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Grand Seiko รวมถึงเม็ดมะยมที่ถูกย้ายไปอยู่ในตำแหน่ง 4 นาฬิกาเพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่จำเป็นต้องไขลานด้วยมือ
ต่อด้วย SBGH005 เป็นนาฬิกาที่ใช้ตัวเรือนแบบ 44GS เปิดตัวในปี 2014 ดีไซน์โดดเด่นด้วยตัวเรือนสแตนเลสสตีล หน้าปัดสีเขียวแบบ Iwate pattern เมื่อกระทบกับแสงจะเห็นเป็นลายเส้นอันสวยงาม มาพร้อมกับระบบ First hi-beat movement with GMT function ใช้กลไก 9S85 เดินด้วยความถี่ 36,000 bph ให้ความเที่ยงตรงระดับสูง และยังได้รับรางวัล Petit Aiguille จากงาน GPGH เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์อีกด้วย
ปิดท้ายด้วยผลงานชิ้นเอกในรุ่น SBGC017 กับสไตล์สุดสปอร์ตที่ขับเคลื่อนโดยกลไก Spring Drive เป็นนาฬิกาเรือนแรกที่ตัวเรือนมีชิ้นส่วนทำจากเซรามิกที่ทำหน้าที่คล้ายชุดเกราะ ได้แรงบันดาลใจมาจากชุดเกราะซามูไร ออกแบบมาให้หุ้มตัวเรือนที่ผลิตจาก High Intensity Titanium แม้ตัวเรือนจะดูใหญ่แต่มีน้ำหนักเบาสบายขณะสวมใส่ ติดตั้งด้วยกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 9R96 หน้าปัดสีเขียวตกแต่งด้วยลวดลาย momi tree มาพร้อมสายหนังสุดคลาสสิกที่ได้รับความนิยมตลอดกาล
Grand Seiko แต่ละเรือนมี ‘ประกายแห่งคุณภาพ’ ที่แสนพิเศษ ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันได้พัฒนาคุณภาพอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งระดับความเที่ยงตรงอย่างเหนือชั้น วัสดุตัวเรือน หรือแม้กระทั่งการขัดเหลี่ยมและมุมเพื่อสร้างแสงเงาที่งดงาม ทั้งหมดนี้ต่างเป็นสิ่งที่ผู้รังสรรค์ใส่ใจในทุกรายละเอียด รวมถึงดีไซน์อันล้ำสมัยแต่ยังคงกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม จนกล่าวได้ว่า Grand Seiko คือสุดยอดนาฬิกาที่มีประสิทธิภาพสูงซึ่งมาพร้อมความงามเหนือกาลเวลาและตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้อย่างครบครัน
เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี แห่งความมุ่งมั่นสร้างสรรค์และพัฒนาเรือนเวลาให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจนถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งยกย่องความคิดสร้างสรรค์ของผลงานตลอดจนประวัติศาสตร์อันยาวนานของแบรนด์ Grand Seiko จึงได้เผยโฉมนาฬิการุ่นพิเศษที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรือนเวลาชิ้นมาสเตอร์พีช The First Grad Seiko นั่นก็คือรุ่น The Re-creation Models มาให้เหล่าแฟนพันธุ์แท้ของ Grand Seiko ได้จับจองเป็นเจ้าของและร่วมรำลึกถึงประวัติศาสาตร์อันยาวนานของแบรนด์ ที่ได้รวบรวมวิวัฒนาการ เอกลักษณ์และจิตวิญญาณของแบรนด์มาไว้บนนาฬิการุ่นพิเศษ โดยผลิตขึ้นทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ SBGW257 SBGW258 และ SBGW259 มาพร้อมกับตัวเรือนที่มีความบางเบา หน้าปัดถูกขยายขนาดจากเดิม 35 เป็น 38 มิลลิเมตร เพื่อให้มีความทันสมัยมากขึ้น รูปทรงของตัวเรือนและหน้าปัดมีความโค้งมนอ่อนช้อย และยังใช้กลไกไขลานรหัส 9S64 ที่ถือว่ามีความเที่ยงตรงระดับสูง ประกอบกับชุดเข็มนาฬิกาที่ได้รับการสร้างสรรค์โดยยึดจากรูปแบบดั้งเดิม รวมถึงฝาหลังของตัวเรือนที่ถูกดีไซน์ขึ้นใหม่เป็นแบบใสด้วยกระจก Sapphire เพื่อเผยให้เห็นความงดงามของกลไกที่ได้รับการตกแต่งมาอย่างพิถีพิถัน
\