ด้วยความตั้งใจในการนำเสนอนาฬิกา Grand Seiko สำหรับแฟนๆ ในประเทศไทย Grand Seiko เริ่มเปิดตัว ไทยแลนด์ ลิมิเต็ด เอดิชั่น เป็นครั้งแรกในปี 2022 ซึ่งประกอบด้วย รุ่น ‘Koke-iro’ (โคเค-อิโระ) หรือ Green Moss, รุ่น ‘Nami’ (นามิ) หรือ Suwa Wave และ รุ่น ‘Hikari’ (ฮิคาริ) หรือ Golden Light

จากความสำเร็จและการตอบรับด้วยดีตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ล่าสุด Grand Seiko จึงได้นำไทยแลนด์ ลิมิเต็ด เอดิชั่น กลับมาอีกครั้งในปี 2024 โดยเปิดตัวภายใต้คอนเซป “Grand Seiko Thailand Limited Edition: The Final Chapter” ซึ่งจะเป็นรุ่นสุดท้ายของคอลเลคชั่นนี้โดยการนำความงดงามของทัศนียภาพของแสงแรกยามเช้าของทะเลสาบสุวะมาเป็นแรงบันดาลใจ

ผลงานชิ้นใหม่นี้ เป็นการสืบทอดดีไซน์ตัวเรือนของนาฬิกา 44GS ดั้งเดิมจากปี 1967

นาฬิการุ่นนี้ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 50 เรือน ซึ่งมีวางจำหน่ายเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น ถือเป็นการตอบแทนคำขอบคุณที่ทางแบรนด์ได้รับการสนับสนุนจากแฟน ๆ ด้วยดีตลอดมา และเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่ตอกย้ำความสำเร็จของแบรนด์ แกรนด์ ไซโก ในประเทศไทยได้อย่างชัดเจน

ความงามตามแบบฉบับของ Grand Seiko

เป็นครั้งแรกที่นำรูปแบบ 44GS มารังสรรค์ในไทยแลนด์ ลิมิเต็ด เอดิชั่นเรือนนี้ หลักการออกแบบที่กำหนดความงามของนาฬิกา Grand Seiko ทุกเรือนหรือ ที่เรียกว่า Grand Seiko Style ถือกำเนิดขึ้นใน ค.ศ.1967 โดยสะท้อนถึงความเรียบง่าย ความบริสุทธิ์ และความสะดวกในการใช้งาน อันเป็นคุณลักษณะที่สำคัญของ Grand Seiko อย่างแท้จริง

การตกแต่งผิวแบกระจกเงาที่ไร้การบิดเบือน
ของภาพสะท้อน ด้วยการขัดเงาแบบซารัตสึ
ความเที่ยงตรงและความคมชัด
ในทุกรายละเอียดบนพื้นหน้าปัด

ลักษณะเด่นอีกประการของ Grand Seiko Style คือการใช้แสง การสะท้อนและเงาที่ละเอียดอ่อน ตัวเรือนได้รับการขัดเงาด้วยเทคนิคซารัตซึด้วยมือ เพื่อสร้างพื้นผิวที่ปราศจากการบิดเบือน ทำให้สันของตัวเรือนมีความคมชัด ชุดเข็มและหลักชั่วโมงได้รับการเจียระไนเหลี่ยมเพชรหรือ diamond cut เพื่อให้มีความชัดเจนสูงและอ่านค่าได้แม้ในที่แสงน้อย ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ทำให้ Grand Seiko แต่ละเรือนจึงมี "คุณสมบัติที่เปล่งประกาย" เป็นพิเศษ (Sparking of Quality)

หน้าปัดที่จับภาพความงามแสงอาทิตย์แรกของปีจากทะเลสาบสุวะ

ยามเช้าคือช่วงเวลาอันพิเศษของการเริ่มต้นวันใหม่ โดยชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าการอธิษฐานในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นเหนือขอบฟ้าเป็นครั้งแรกของปี จะนำโชคดีมาให้ “Hatsuhinode” (ฮัตสึฮิโนะเดะ) ช่วงเวลาที่แสงอาทิตย์ในยามเช้าในวันแรกของปีที่ค่อยๆ สว่างขึ้นทีละน้อย ซึ่งเผยให้เห็นความงดงามของทัศนียภาพในรุ่งอรุณเหนือทะเลสาบสุวะเมื่อมองจากชินชูวอทช์สตูดิโอ สถานที่ผลิตเรือนเวลารุ่นนี้ รวมถึงนาฬิกา Grand Seiko Spring Drive ทุกรุ่น ลวดลายหน้าปัด แบบ Spiral Pattern สะท้อนความงามจากทุกมุมที่แสงตกกระทบทำให้หน้าปัดของนาฬิกาเรือนนี้เกิดประกายระยิบระยับสะท้อนถึงแสงพระอาทิตย์ที่ส่องสว่าง ณ สุดขอบฟ้าเหนือทะเลสาบสุวะ ส่วนเข็มวินาทีที่เคลื่อนแบบ Glide Motion อันเป็นลักษณะเฉพาะตัวของกลไก Spring Drive นั้นงดงามด้วยสี yellow gold เข็มวินาทีเคลื่อนที่อย่างเงียบสงบไปรอบหน้าปัดเสมือนการถ่ายทอดภาพความยิ่งใหญ่ของฉากทัศน์ในยามเช้าของทะเลสุวะได้อย่างงดงาม มาตรแสดงพลังงานสำรองบนพื้นสี yellow gold สะท้อนให้เห็นถึงแสงพระอาทิตย์ที่สะท้อนเหนือผิวน้ำทะเลสาบสุวะ ซึ่งช่วยเสริมสร้างมิติให้กับนาฬิกาและความชัดเจนในการอ่านค่า และมอบความโดดเด่นให้กับดีไซน์ภาพรวมของหน้าปัดได้อย่างน่าประทับใจ

ผลิตจำนวนจำกัด “1 of 50”

ด้วยความพิเศษที่ผลิตขึ้นเป็น Thailand Limited Editon :The Final Chapter จึงได้สลักคำว่า “1 of 50” ไว้ที่ฝาหลังเรือน ซึ่งหมายถึง การผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 50 เรือนเท่านั้น ขับเคลื่อนด้วยกลไกคาลิเบอร์ 9R65 กลไกคาลิเบอร์แรกของตระกูล 9R นาฬิการุ่นนี้จะเริ่มจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายนนี้ ที่แกรนด์ไซโกบูติกเกษร เท่านั้น

Grand Seiko Heritage Collection “Thailand Limited Edition: The Final Chapter :SBGA513

กลไก : คาลิเบอร์ 9R65
ระบบขับเคลื่อน : Spring Drive
ความแม่นยำ: ±15 วินาทีต่อเดือน (ประมาณ ±1 วินาทีต่อวัน)
พลังงานสำรอง : 72 ชั่วโมง
จำนวนทับทิม : 30 เม็ด

รายละเอียดทางเทคนิค

ตัวเรือนและสาย สเตนเลสสตีล
กระจกแซฟไฟร์คริสตัลแบบโค้งคู่
ฝาหลังกรุกระจกใส
การกันน้ำ: 10 บาร์
การต้านทานแม่เหล็ก: 4,800 แอมแปร์/เมตร
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง: 40.0mm ความยาว 46.2mm ความหนา 12.5mm
บานพับสามทบปลดล็อคด้วยปุ่มกด
ราคาจำหน่าย 229,000 บาท
ผลิตจำนวนจำกัด 50 เรือน

หมายเหตุ:รายละเอียดทางเทคนิคและข้อมูลราคาในเอกสารประชาสัมพันธ์นี้ เป็นข้อมูล ณ วันที่เผยแพร่ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้

จองนาฬิกาได้แล้วตั้งแต่วันนี้ คลิกที่นี่ หรือ Link ด้านล่าง